สอบสัมภาษณ์ J-1 Visa
ณ เชียงใหม่ ค.ศ.2012(พ.ศ.2555) ในช่วงฤดูหนาวของเช้าวันจันทร์ที่ 20
ก.พ. สายลมพัดเย็นๆ แสงแดดอ่อนๆ
(ขอเกริ่นคล้ายๆนักเขียนในร้านหนังสือ เผื่อจะเหมือนเค้ามั่ง อิอิ 😁) บริเวณเจดีย์ขาว ช้างม่อย มีวัยหนุ่มสาวจับกลุ่มพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น
และเม้ามอยหอยสังข์เรื่องต่างๆนาๆ หน้าสถานกงสุลอเมริกาเชียงใหม่เพื่อสอบสัมภาษณ์วีซ่า
เช้าวันนั้นเรากับเพื่อนๆอีก 3 สาว มีนัดสอบสัมภาษณ์ช่วงเวลา
8.00-9.00 เรากับเพื่อนไปกันตั้งแต่เช้าตรู่ คืนนั้นทั้งคืนนอนไม่หลับกัน
ตื่นเต้นนนน😂 พากันไปถึงหน้ากงสุลก่อนพระอาทิตย์ขึ้น 55😆😅 ชวนกันไปเดินตลาดสดตอนเช้า
หาของกิน แถวๆเจดีย์ขาว กินไปเม้าไปตามประสาสาวๆ กลับมาหน้ากงสุล 30นาที ก่อนถึงเวลานัด ยืนรอต่อแถวกับเพื่อน (นอกเรื่องนิดหนึ่ง ถึงหน้ากงสุลครั้งแรกแว๊บแรกรู้สึกแบบว่าระบบ
security อะไรพวกนี่ ดีมาก กำแพงสูงปิดมิดชิด ตรวจรถเข้าออกอย่างเข้มงวด บร๊ะ!!มันเหมือนในหนังเลยอ่ะ รู้สึกน่าเกรงขาม
กลัวไปทำไรโก๊ะๆให้เค้าจับ 55+😂 )
ขั้นตอนแรก จนท.คนไทยตรวจเอกสารต่างๆ (DS-2019 เป็นเอกสารที่เอเจนซี่ดำเนินการให้,
Passport, Transcript, หนังสือรับรองการเป็นนักศึกษา,Payment,
Statement คนสปอนเซอร์, บัตร ปชช,ทะเบียนบ้าน)
แล้วเค้าจะแยกเอกสารที่ใช้จริงใส่ในแฟ้มให้ (Statement คนสปอนเซอร์,
บัตร ปชช,ทะเบียนบ้าน ไม่ได้ใช้) และให้บัตรคิว+แจกเอกสารเกี่ยวกับวีซ่า สิทธิที่จะได้รับ(***ต้องอ่านนะ)
(DS-2019)
ขั้นตอนต่อไป
ยื่นเอกสารในแฟ้มให้ตรวจสอบอีกรอบ และสแกนนิ้วมือ
แล้วก็รอคิวที่ทยอยสัมภาษณ์ไปเรื่อยๆ จังหวะนี้แหละโคตรตื่นเต้นมือเท้านี่เย็นไปหมด
555+😆 คนเดินออกมาจากช่องที่สัมภาษณ์ก็ผ่านมั่งไม่ผ่านมั่ง
ดีใจมั่งเดินคอตกออกมามั่ง ยิ่งทำให้ตื่นเต้นไปอีก กลัวไม่ผ่าน 😅
ขั้นตอนสัมภาษณ์
จะเป็นช่องๆเหมือนช่องจ่ายยา เราเจอช่องคนสัมภาษณ์เป็นผู้ชาย(ขอเรียกกงๆนะ)
สัมฯเป็นภาษาอังกฤษอีก ตื่นเต้นอีก ภาษา ณ ตอนนั้นก็ด๋อยมาก เอ๋อๆ งูๆปลาๆ กลัวเค้าไม่เข้าใจ 😂
บทสนทนาคร่าวๆ
กงๆ : Good
morning
เรา : Good
morning. How are you?
กงๆ : i’m
good
เรา : …ยิ้ม…
กงๆ : Are
you fourth year engineer student? (ดูเอกสารแล้วถามไปด้วย)
เรา : Yes
กงๆ :
What will you do after this program?
เรา : I
already have a job will start on August
กงๆ :
What kind of job?
เรา :
Painting beam (ทำท่าพ่นสีอย่างกะถือปืนลูกซอง 555😆 คิดในใจ อิดอก กุตอบอะไรวะไปเนี่ย เค้าจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ย คิดคำไม่ออก
ตื่นเต้นด้วย 😂😂)
กงๆ :
Do you mean construction?
เรา : Yes
yes (พร้อมทำท่าทางถูกต้องนะค้าบบ เชี่ยยย 555😆😆)
กงๆ : You will get passport a couple week. Have a good day.
เรา :
Thank you. (จบแบบงงๆนี่กุผ่านละหรอ เออก็ผ่านโว้ยยยย 55+😲 โคตรดีใจ)
คือการตอบคำถามเราต้องทำให้เค้ามั่นใจว่ายังไงเราต้องกลับไทย ไม่ได้โดดเป็นโรบินฮู้ด แล้วยิ่งอยู่ปี 4 ด้วย โอกาสผ่านวีซ่าจะยากกว่าปี 1,2,3 และแล้ววันนั้นก็ผ่านไปด้วยดี เรากับเพื่อนผ่านกันทุกคน(ถ้าไม่ผ่านเค้าจะคืนเอกสารให้)
ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเดินออกจากกงสุลละโทรหาพ่อ โครตดีใจอ่ะ(อย่างกะไทยได้ไปบอลโลก) 555555+ อีกอาทิตย์กว่าๆได้รับเอกสารทางไปรษณีย์ลงที่หอพัก
(วีซ่า J-1)
ตรงกรอบสีแดงๆ เราไม่ติดกฎ 2 ปี แล้วตราปั้ม MAR 13 2012 ตม.ปั้มให้ตอนเข้าถึงอเมริกา จะปั้มพร้อมกันใน DS-2019 ด้วย (อ้อ...พูดถึงตม.ของเมกาเค้าก็จะถามทั่วๆไป มาทำอะไร รัฐไหน ทำนองนี้ ส่วนตอนเปลี่ยนเครื่องที่ญี่ปุ่น ตอนผ่านช่องสแกน จนท.ถามว่าไปไหน ทำอะไร จุดพีคคือฟังไม่ออกขร่ะ อังกฤษสำเนียงญี่ปุ่น 555+ ขนาดอังกฤษอังกฤษยังเด๋อเลย ละคนอื่นไม่ถามมาถามกุนะฮร้าาา ทำไงหล่ะ ตะโกนกวักๆเพื่อนให้มาช่วยตอบ ว่ามาต่อเครื่องนะจะไปเมกา บลาๆๆ ตลกมาก 555😆)
(ตราปั้มเข้า-ออก)
ตอนเข้าเมกาจะได้ I-94 และในใบ I-94 จะระบุวันเดินทางเข้าอเมริกา ประเภทของวีซ่า เลขประจำบัตร รวมถึงช่วงเวลาหรือวันที่อนุญาตให้อยู่ในอเมริกา ของเราในวีซ่าระบุระยะเวลา 6MAR2012 to 5JUL2012 แต่ใน I-94 ให้สามารถอยู่เลยวันที่วีซ่าหมดได้อีก 1 เดือน เราจะไปทำอะไรก็ได้ กินๆเที่ยวๆ แต่ห้ามทำงาน ไม่งั้นผิดกฎหมายบ้านเค้า ขอบคุณที่อ่านจนจบนะฮะทุกโคนนนน จอบอ. see you next blog! 😊😉
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น